แถลงการณ์สมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทย
แถลงการณ์สมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทย
๒๐ กันยายน ๒๕๖๐
ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับคีเลชั่นบำบัดว่าเป็นศาสตร์เทียมและแพทยสภาไม่รับรองนั้น สมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทยในฐานะหน่วยงานที่ได้มีการศึกษาและเผยแพร่องค์ความรู้ทางการแพทย์โดยเฉพาะเรื่องคีเลชั่นบำบัดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปนั้น ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนทั่วไปซึ่งอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเรื่องคีเลชั่นบำบัดจากเหตุการณ์ข้างต้นว่า
สมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทยได้ดำเนินการจัดประชุมวิชาการเผยแพร่องค์ความรู้ร่วมกับสำนักการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข มาโดยตลอดมีบุคลากรทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศมาเข้าร่วมการประชุมวิชาการดังกล่าว เป็นระยะเวลาเกือบสิบปี เป็นทฤษฎีที่มีการเรียนการสอนในโรงเรียนแพทย์ เช่น หลักสูตรเวชศาสตร์ป้องกันได้กล่าวถึงการรักษาโดยวิธี
คีเลชั่นเป็นมาตรฐานสากลทั่วไป ทางสมาคมจึงได้จัดทำและเผยแพร่แนวทางปฏิบัติในรายละเอียด ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาวิชาการและฝึกอบรมมากกว่า ๑,๕๐๐ คนจากทั่วประเทศ จัดประชุมวิชาการไปแล้ว จำนวน ๑๖ ครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน และได้รับความเห็นชอบให้เป็นการศึกษาต่อเนื่องสำหรับแพทย์ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นมา จากศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของแพทย์ ซึ่งแพทยสภาได้ก่อตั้งขึ้น โดยให้แพทย์ผู้เข้าร่วมการประชุมวิชาการ ได้เครดิตจากการศึกษาต่อเนื่องเป็นจำนวน ๒๑ หน่วยกิตชั่วโมง
นอกจากนั้นยังร่วมกับทางสำนักการแพทย์ทางเลือก ในการไปช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับโลหะหนักที่เป็นพิษในพื้นที่ซึ่งมีปัญหาจากสารตะกั่ว เช่น ในหมู่บ้านคลิตี้ล่าง จังหวัดกาญจนบุรี โดยไปสนับสนุนให้โรงพยาบาลทองผาภูมิ ดำเนินการบำบัดรักษาผู้ที่ได้รับพิษจากสารตะกั่ว ตามแนวทางการบำบัดของทางสมาคม ได้สนับสนุนให้โรงพยาบาลวังสะพุง นำแนวทางการบำบัดของทางสมาคมไปใช้บำบัดรักษาผู้ที่ได้รับพิษจากสารหนู หรือที่โรงพยาบาลวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำแนวทางไปใช้บำบัดผู้ได้รับผลกระทบจากพิษโลหะหนัก เช่นเดียวกัน และได้สนับสนุนการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือทุนการศึกษาให้กับบุตรของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษจากโลหะหนัก
สมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทย จึงขอยืนยันว่าศาสตร์คีเลชั่นบำบัด ไม่ใช่ศาสตร์เทียม มีประโยชน์จริงและสามารถใช้แก้ปัญหาให้กับผู้ป่วยได้จริงตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน
สมาคมการแพทย์คีเลชั่นไทย